วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2554, 20:56
หัวเรื่อง: หนังสือยื่นคุณอภิสิทธิ และUN
ถึง:
เรียนทุกท่าน
ขอส่งหนังสือที่จะไปยื่นตามสถานที่ต่างๆ ตามแนบคะ
โปรดพิจารณาคะ
ขอบพระคุณคะ
กมลพรรณ
เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ส่งหนังสือถึงประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เพื่อชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา ข้อความดังต่อไปนี้
(คำแปลอย่างไม่เป็นทางการ)
กระทรวงการต่างประเทศ
5 กุมภาพันธ์ 2554
ฯพณฯ
อ้างถึงหนังสือลงวันที่ 10 สิงหาคม 2553 จาก ฯพณฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทยถึง ฯพณฯ วิตาลี เซอร์กิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติสำหรับเดือนสิงหาคม 2553 ข้าพเจ้าขออธิบายข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชาในขณะนี้ ดังนี้
1.เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 15.20 น. ทหารกัมพูชาได้ยิงโจมตีที่ตั้งกำลังทหารไทยที่ภูมะเขือในดินแดนไทย โดยใช้อาวุธหนัก เช่น ปืนครก จรวดอาร์พีจี ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง ปืนใหญ่พิสัยไกล และจรวดหลายลำกล้อง และเมื่อเวลา 16.20 น. ของวันเดียวกัน ทหารกัมพูชาก็ได้ยิงโจมตีจากบริเวณปราสาทพระวิหารเข้าใส่ที่ตั้งกำลังทหารไทยที่ผามออีแองในดินแดนไทย โดยในระหว่างสองเหตุการณ์ดังกล่าว ทหารกัมพูชาได้ยิงกระสุนปืนใหญ่หลายนัดเข้ามายังหมู่บ้านภูมิซรอลในจังหวัดศรีสะเกษของไทย ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากพื้นที่ชายแดนประมาณ 5 กิโลเมตร เหตุการณ์ดังกล่าวดำเนินต่อเนื่องจนถึงเวลา 18.00 น.
2.เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 16.15 น. ทหารกัมพูชาได้โจมตีเข้าใส่ที่ตั้งกำลังทหารไทยในพื้นที่ภูมะเขือในดินแดนไทยอีกครั้งหนึ่ง ด้วยอาวุธหลายชนิด เช่น ปืนอาก้า AK-47 ปืนครก จรวดอาร์พีจี เครื่องยิงลูกระเบิด และปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลังโดยเหตุการณ์ดังกล่าวดำเนินต่อเนื่องจนถึงเวลา 07.45 น.
3.การโจมตีข้างต้น ซึ่งได้ดำเนินการอย่างไม่เลือกเป้าหมาย ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นพลเรือนไทย 1 คน และทหารไทย 1 นาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นทหารไทย 13 นาย สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อบ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชนไทย และทำให้ต้องมีการอพยพของประชาชนไทยที่อาศัยบริเวณชายแดนจำนวนมากกว่า 6,000 คน
4.การโจมตีข้างต้นโดยทหารกัมพูชาเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ โดยแม้ว่าประเทศไทยจะใช้ความอดกลั้นอย่างที่สุดมาโดยตลอด แต่ทหารไทยก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากจะต้องใช้สิทธิโดยชอบในการป้องกันตนเองตามข้อ 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ การใช้สิทธิในการป้องกันตนเองดังกล่าว ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจำเป็น อย่างพอเหมาะพอควร และมุ่งเป้าหมายทางทหารเท่านั้น โดยเฉพาะจุดที่กำลังทหารกัมพูชาได้โจมตีออกมา
5.ในการนี้ ประเทศไทยขอแถลงท่าทีของตน ดังนี้
5.1 ประเทศไทยขอประท้วงอย่างรุนแรงที่สุดต่อการโจมตีด้วยกำลังอาวุธของฝ่ายกัมพูชาซ้ำแล้วซ้ำเล่า และโดยไม่ได้มีเหตุยั่วยุ ซึ่งเป็นการรุกรานและเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพของดินแดนไทยอย่างชัดเจน
5.2 ประเทศไทยยึดมั่นอย่างเคร่งครัดในวัตถุประสงค์และหลักการของสหประชาชาติรวมทั้งพัฒนากรณีของตนภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ประเทศไทยขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า ไทยได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 ในกรณีปราสาทพระวิหารอย่างเต็มที่ ประเทศไทยมีความเชื่อมั่นว่า ความคิดเห็นที่แตกต่างใดๆ ระหว่างประเทศทั้งสอง จะสามารถระงับได้โดยสันติวิธี ซึ่งสอดคล้องกับความเข้าใจร่วมกันและความประสงค์ของผู้นำทั้งไทยและกัมพูชา
5.3 ประเทศไทยยืนยันความมุ่งมั่นที่จะร่วมมืออย่างใกล้ชิดและโดยสุจริตกับกัมพูชาภายใต้กลไกทวิภาคีต่างๆ ที่มีอยู่ อาทิ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) และคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-กัมพูชา (เจซี) เพื่อผลักดันความร่วมมือให้คืบหน้าและดำเนินการให้มีการแก้ไขความแตกต่างระหว่างประเทศทั้งสองโดยสันติวิธี เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชนไทยและกัมพูชา และครอบครัวอาเซียน
6.ทั้งสองประเทศต่างก็มุ่งที่จะจัดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ในโอกาสแรก ตามที่ได้ตกลงกันไว้ระหว่างการประชุมเจซีไทย-กัมพูชา ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายได้เป็นประธานร่วมในการประชุมดังกล่าวที่จังหวัดเสียมราฐ กัมพูชา ในช่วงเช้าของวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2554 ประเทศไทยกำลังอยู่ระหว่างการหารือกับฝ่ายกัมพูชาเกี่ยวกับวันที่จะจัดการประชุมเจชีซี ครั้งต่อไปที่จะจัดขึ้นในประเทศไทยในโอกาสแรก
7.ในขณะนี้ ช่องทางการติดต่อในระดับทวิภาคีทุกช่องทางยังเปิดกว้างอยู่ และเจ้าหน้าที่ของทั้งสองประเทศยังคงหารือกันอย่างใกล้ชิด
ข้าพเจ้าขอความอนุเคราะห์ ฯพณฯ ในการเวียนหนังสือฉบับนี้ไปยังสมาชิกทั้งหมดของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อทราบด้วย
ข้าพเจ้าขอแสดงความนับถืออย่างยิ่งมายัง ฯพณฯ
นายกษิต ภิรมย์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
แห่งราชอาณาจักรไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น