วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

Note : ลอยตัว LPG: ใครได้ ใครเสียประโยชน์?



จาก: SCB EIC <eic@scb.co.th>
วันที่: 31 มกราคม 2554, 11:36
หัวเรื่อง: Note : ลอยตัว LPG: ใครได้ ใครเสียประโยชน์?
ถึง: 


วันที่ : 31/01/2011

ลอยตัว LPG: ใครได้ ใครเสียประโยชน์?
โดย EIC -Economic Intelligence Center

ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก : ลอยตัว LPG: ใครได้ ใครเสียประโยชน์?

หากต้องการยกเลิกการรับเอกสาร / ข่าวสาร ทางอีเมล์ (unsubscribe email notification) คลิกที่นี่ เพื่อกำหนดประเภทของเอกสารที่ท่านไม่ต้องการรับ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือ ติดต่อทีมงาน คลิกที่นี่

เข้าสู่หน้าหลักเว็บไซต์ :http://www.scbeic.com

ขอแสดงความนับถือ
ทีมงาน SCB EIC





วันจันทร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2554

วันที่ 24 – 27 มกราคม 2554 เวลา 8.30-12.00 น. ณ ห้องประชุมพระอุเทน 1 ชั้น 2 กรมสรรพากร

กรมสรรพากร
ขอเชิญเข้าร่วมสัมมนา

"เรียนรู้อย่างง่าย กับรายจ่ายต้องห้าม"

วันที่ 24 – 27 มกราคม 2554 เวลา 8.30-12.00 น.
ณ ห้องประชุมพระอุเทน 1 ชั้น 2 กรมสรรพากร



     ด้วยในปัจจุบัน มีผู้ประกอบการจำนวนมากยังปฏิบัติไม่ถูกต้องเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขการคำนวณรายจ่ายว่า จ่ายอย่าง ไรจึงจะตัดเป็น ราย จ่ายทาง ภาษีได้ และรายจ่ายเกี่ยวกับอะไรที่ไม่ให้ถือเป็นรายจ่าย กรมสรรพากร จึงจัดให้มีการสัมมนาเรื่อง " เรียนรู้อย่างง่าย กับรายจ่ายต้องห้าม " เพื่อให้ความรู้แก่ ผู้ประกอบการ ในการคำนวณรายจ่ายที่อาจเกิดขึ้นในช่วงยื่นแบบแสดงรายการภาษี ลดความผิดพลาดคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้นในทางปฏิบัติ และเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้สอบถามข้อสงสัย โดยจะจัดสัมมนาระหว่างวันที่ 24 – 27 มกราคม 2554 จำนวน 8 รอบ

สำหรับท่านที่สนใจประสงค์จะเข้ารับฟังการสัมมนาในครั้งนี้โปรดสำรองที่นั่งได้ที่
http://www.rd.go.th/publish/seminar/page1.html ช่องทางเดียวเท่านั้น

เปิดให้สำรองที่นั่ง ตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม 2553 ตั้งแต่เวลา 14.00 น.

ไม่มีที่นั่งเสริมให้แก่ผู้ที่ไม่ได้ทำการสำรองที่นั่ง หรือสำรองที่นั่งไม่ทัน การสัมมนานี้ กรมสรรพากรจัดให้ฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และ ไม่สามารถนับเป็นชั่วโมงการอบรมของผู้สอบบัญชีภาษีอากรได้




วันศุกร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2554

เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ 2554 ที่จุฬาฯ

เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ 2554 ที่จุฬาฯ

Activity Date: 
Tue, 2011-01-11 17:00

Chulalongkorn University
International Film Festival 2011

ภาควิชาศิลปการละคร คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ด้วยความสนับสนุนจาก ศูนย์ส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งจุฬาฯ
ขอเชิญชมภาพยนตร์คุณภาพซึ่งยังไม่เคยเข้าฉายรอบปกติตามโรงภาพยนตร์ในประเทศไทยมาก่อน 9 เรื่องจาก 9 ประเทศ

หลังจบภาพยนตร์ เชิญร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นกับนักวิจารณ์
อ.กิตติศักดิ์ สุวรรณโภคิน รศ. นพมาส แววหงส์ และ อ.ก้อง ฤทธิ์ดี

ชมฟรีทุกเรื่อง ทุกวันจันทร์ วันพุธและวันศุกร์ 5 โมงเย็น ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 11 มกราคม เป็นต้นไป
ที่ชั้น 9 อาคารมหาจักรีสิรินธร (จอดรถในอาคารจอดรถใหม่ข้างตึก)

ภาพยนตร์ทุกเรื่องมีคำบรรยายภาษาอังกฤษ สอบถามข้อมูล โทร. 0-2218-4802
http://chulafilmfest.multiply.com/


กำหนดการฉาย

11 มกราคม: Caramel
15 มกราคม: Everlasting Moments
18 มกราคม: Still Walking

1 กุมภาพันธ์: Tulpan
5 กุมภาพันธ์: Revanche
8 กุมภาพันธ์: Mid-August Lunch

วันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2554 เวลา 9.00-16.30 น. หอประชุมศรีบูรพา (หอเล็ก) คณะรัฐศาสตร์ มธ. ท่าพระจันทร์




สัมมนารัฐศาสตร์2554

"เมืองไทยหลังวิกฤติ?: ทิศทางการเมือง การบริหาร และการต่างประเทศไทย"

 

วันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2554 เวลา 9.00-16.30 น. หอประชุมศรีบูรพา (หอเล็ก) คณะรัฐศาสตร์ มธ. ท่าพระจันทร์

 

 

9.20-10.15 ปาฐกถานำ

 

 

รศ.ดร.เกษียร เตชะพีระ
"ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข : ที่มาและที่ไป"

 

 

10.15-12.00 ทิศทางการเมืองไทย

 

อ.ประจักษ์ ก้องกีรติ "ประชาสังคมสองเสี่ยง"
อ.ชญานิษฐ์ พูลยรัตน์ "เยาวชนกับวิกฤติการเมืองไทย"
อภิปรายบทความโดย รศ.ฉันทนา บรรพศิริโชติ หวันแก้ว
ดำเนินรายการโดย ศ.ดร.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์

 

 

13.30-15.00 ทิศทางการต่างประเทศไทย

 

รศ.ดร.จุลชีพ ชินวรรโณ "การต่างประเทศไทยในภาวะวิกฤติ"
อภิปรายบทความโดย ดร.เดช บุนนาค
ผศ.พิจิตรา ศุภสวัสดิ์กุล "สื่อต่างประเทศกับวิกฤติการเมืองไทย"
อภิปรายบทความโดย รศ.ดร.ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์
ดำเนินรายการโดย ผศ.ดร.ทวิตา กมลเวชช

 

15.00-16.30 ทิศทางการบริหารรัฐไทย
รศ.สมชัย  ศรีสุทธิยากร "ระบบราชการกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทย"
อภิปรายบทความโดย  ผศ.ปัณรส มาลากุล ณ อยุธยา
ผศ.ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ และ ดร.วสันต์ เหลืองประภัสร์ "การกระจายอำนาจกับวิกฤติการเมือง"
อภิปรายบทความโดย รศ.วุฒิสาร ตันไชย
ดำเนินรายการโดย ดร.วรรณภา ติระสังขะ



                             http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1294211055&grpid=no&catid=10

วันจันทร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2554

"ไอแพด" ที่สุดของแท็บเลต 5 ปรากฏการณ์เขย่าโลก คาดกวาดยอดขายทะลัก 13 ล้านเครื่อง






วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553 เวลา 17:50:47 น.  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

"ไอแพด" ที่สุดของแท็บเลต 5 ปรากฏการณ์เขย่าโลก คาดกวาดยอดขายทะลัก 13 ล้านเครื่อง

ย้อน รอย 1 ปีก่อน"แท็บเลต"เผยโฉมสู่สายตาชาวโลก ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีต่างฟันธงว่าจะเจ๊งไม่เป็นท่า รวมถึง "ไอแพด"ของสตีฟ จ๊อบด้วย แต่ตรงกันข้าม ไอแพดประสบความสำเร็จอย่างงดงามหลังเปิดตัว บริษัทวิจัยการตลาดชั้นนำคาดการณ์ว่าปี 2553 แอปเปิลจะขายไอแพดได้มากถึง 13.3 ล้านเครื่อง ตามไปดูว่าไอแพดมีดีอย่างไร

 ไม่เกิน 1 ปีก่อนหน้านี้ ก่อนที่แท็บเลตพะยี่ห้อ "แอปเปิล" จะปรากฏโฉมสู่สายตาชาวโลก ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีทั้งหลายต่างออกมาตั้งคำถามในทำนองเดียวกันว่า "เจ้าไอแท็บเลต" (นิกเนมที่เรียกกันในขณะนี้) ของแอปเปิลจะมีใครซื้อไปใช้หรือไม่
 ไม่มีใครเชื่อว่าแท็บเลตของ "สตีฟ จ็อบ" แห่งแอปเปิลจะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับที่ "ไอโฟน" ทำได้มาแล้ว
 "อิน โฟเวิลด์" เว็บไซต์ไอทีดังถึงกับเขียนบทความเพื่ออธิบายว่า "เหตุใดจึงมีข่าวลือว่าไอแท็บเลตของแอปเปิลจะเจ๊งไม่เป็นท่า" เช่นเดียวกับอีกเว็บดัง "เว็นเจอร์บีท" ที่ออกมาทำนายแบบฟันธงถึงเทรนด์ของผลิตภัณฑ์ด้านไอทีในปี 2010 ว่า "สินค้าประเภทแท็บเลตจะต้องประสบความล้มเหลว"
 เราคงรู้กันแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับแท็บเลตของแอปเปิล นาม "ไอแพด" เป็นเช่นไร
 "ไอ แพด" ประสบความสำเร็จอย่างงดงามหลังเปิดตัวทำตลาด โดยบริษัทวิจัยการตลาดทางอินเทอร์เน็ต "อีมาร์เก็ตเตอร์" ถึงคาดการณ์ว่าแอปเปิลจะขายไอแพดได้มากถึง 13.3 ล้านเครื่องภายในสิ้นปี ยังมีผลสำรวจอีกชิ้นชี้ให้เห็นด้วยว่า ไอแพดได้กลายเป็นของขวัญที่ผู้บริโภคต้องการมากที่สุดในช่วงเทศกาลวันหยุด สิ้นปี
 มากไปกว่านั้น "ไอแพด" ยังได้สร้างผลกระทบในวงกว้างมากกว่าการพลิกโฉมอุปกรณ์ไอที
 "ไอแพด" ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงต่อโลกใบนี้ในแบบที่เราคาดไม่ถึง ดังนี้
  1.ผลักดันให้แอปเปิลกลายเป็นบริษัทไอทีอันดับหนึ่งของโลก
 ไม่ ต้องบอกก็รู้ว่าไอแพดมีส่วนช่วยดันให้แอปเปิลพุ่งทะยานจนเป็นที่ 1 เหนือบริษัทไอทีเจ้าอื่นได้ เพราะในเดือนพฤษภาคมเพียง 1 เดือนหลัง "ไอแพด" วางตลาดทำให้แอปเปิลกลายเป็นบริษัทเทคโนโลยีใหญ่สุดในโลกแทบจะในทันที จากเดิมที่ใคร ๆ เคยมองว่าแอปเปิลคงต้องอยู่ใต้เงาของ "ไมโครซอฟท์ไปตลอดกาล"
 ความคิดนี้ต้องเปลี่ยนไปเมื่อแอปเปิลสามารถล้มแชมป์ยักษ์ใหญ่ไอทีลงได้สำเร็จ
 2.สร้างเซ็กเมนต์สินค้าใหม่ให้ตลาด
 ไอ แพดได้จุดประกายความสนใจให้ตลาดคอมพิวเตอร์แท็บเลตพีซีอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่ตลาดนี้เหมือนจะแน่นิ่งไปแล้ว โดยไม่ช้าไม่นานหลังแอปเปิลเปิดตัวไอแพด คู่แข่งรายอื่นก็ปรากฏตัวขึ้นตามมาแทบจะในทันที ไม่ว่าจะเป็นค่ายเกาหลี "ซัมซุง" ด้วย "กาแล็คซี่แท็บ" แต่ถึงกระนั้นนักการตลาดทั้งหลายยังมีความมั่นใจว่าแอปเปิลจะยังครองความ เป็นผู้นำในตลาดแท็บเลตไปอีกนาน
 3.ฟื้นชีพตลาดสิ่งพิมพ์
 เราคงไม่ สามารถฟันธงลงไปได้ว่า "ไอแพด" คือผู้ช่วยชีวิตตัวจริงของสื่อสิ่งพิมพ์ทั้งหลาย แต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือมันได้จุดกระแสความนิยมของการอ่านนิตยสารและ หนังสือพิมพ์ที่ซบเซาให้เฟื่องฟูขึ้นอีกครั้ง โดยบรรดาแอปพลิเคชั่นแปลก ๆ ทั้งหลายได้หยิบยื่นประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของสื่อสิ่งพิมพ์ ซึ่งคือการ "สัมผัสได้จริง" มาสู่อุปกรณ์ดิจิทัลตัวนี้
 นอกจากนี้ แอปพลิเคชั่นที่ได้รับความนิยมอย่าง "ฟลิปบอร์ด" ยังได้ผสมผสาน "โซเชียลเน็ตเวิร์ก" ของเว็บไซต์เข้ากับการสร้างประสบการณ์เสมือนให้รู้สึกว่ากำลังถือหนังสือ พิมพ์จริง ๆ ด้วย
 ที่สำคัญอุปกรณ์อย่าง "ไอแพด" ยังทำให้บรรดาผู้ผลิตสื่อสามารถเรียกเก็บค่าหนังสือของตนได้อีกครั้ง แต่นี่เป็นแค่การเริ่มต้นยังต้องจับตาดูกันต่อไปว่าแนวโน้มการเก็บเงินค่าอี บุ๊กจะยังมีต่อไปหรือไม่ เมื่อจำนวนเนื้อหาที่มีในไอแพดเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
 4.ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนรูปแบบหน้าเว็บไซต์
 นี่ อาจไม่ใช่ผลกระทบที่แอปเปิลต้องการให้เกิดขึ้น แต่ "ไอแพด" ได้เปลี่ยนรูปแบบการดีไซน์ของหน้าเว็บไซต์ไปแล้วจริง ๆ ผลของเรื่องนี้มาจากการที่บริษัทเว็บไซต์ต่าง ๆ พบความจริงที่ว่า แอปพลิเคชั่นบนไอแพดใช้งานมีประสิทธิภาพกว่าเว็บไซต์ต้นตำรับของตนเองเสีย อีก ทำให้บรรดาเว็บต้นตำรับหันมาปรับเปลี่ยนหน้าเว็บไซต์ของตนเองให้คล้ายแอปพลิ เคชั่นที่เกิดทีหลัง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดคือการที่เว็บไซต์โซเชียลเน็ตเวิร์กชื่อดัง อย่างทวิตเตอร์ปรับการดีไซน์หน้าเว็บไซต์ใหม่ ซึ่งมีลักษณะหน้าตาคล้ายกับแอปพลิเคชั่นทวิตเตอร์ที่ตนเองเป็นผู้พัฒนาขึ้น มามาก
 5.แอพสโตร์บูม
 ไอแพดได้สร้างรูปแบบการเข้าถึงแอปพลิเคชั่นและ เนื้อหาต่าง ๆ บนอุปกรณ์พกพา ผ่านโมเดลแอพสโตร์ที่มีลักษณะเด่นแบบหาตัวจับยาก หลายคนอาจไม่ทราบว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของไอแพดไม่ใช่การเป็นอุปกรณ์ที่ทำ ตัวเป็นศูนย์กลางในการเข้าถึงเว็บไซต์ แต่เป็นศูนย์กลางในการเข้าถึงแอปพลิเคชั่นต่างหาก แม้แอปพลิเคชั่นส่วนใหญ่จะถูกพัฒนาออกมาให้เหมาะกับหน้าจอขนาดเล็ก ๆ และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบช้า ๆ ของไอโฟน แต่มันคงไม่มีอะไรเสียหายหากแอพฯเหล่านั้นจะย้ายมาอยู่บนอุปกรณ์ที่หน้าจอ ใหญ่ขึ้นและมีการเชื่อมต่อเร็วขึ้นผ่านเครือข่ายไว-ไฟใช่หรือไม่ ?
 ถึง อย่างนั้นมันจะไม่เป็นการดีกว่าเหรอ ถ้าผู้บริโภคเข้าถึงเนื้อหาในเว็บไซต์ได้ฟรี ๆ แทนที่จะต้องมาจ่ายค่าเนื้อหาเดียวกันนี้ผ่านแอปพลิเคชั่น แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่กลับมองว่าแอปพลิเคชั่นคือศูนย์กลางของประสบการณ์การ ใช้งานอุปกรณ์พกพาไปซะแล้ว



                                        http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1293793203&grpid=02&catid=no

หนังสือที่คนไทยควรอ่าน ของขวัญปีใหม่ 10 เล่ม จากหนอนหนังสือ "ชัยวัฒน์" - "สฤณี"


วันที่ 03 มกราคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 34 ฉบับที่ 4276  ประชาชาติธุรกิจ


หนังสือที่คนไทยควรอ่าน ของขวัญปีใหม่ 10 เล่ม จากหนอนหนังสือ "ชัยวัฒน์" - "สฤณี"





"หนังสือ" เป็นหนึ่งในของขวัญยอดฮิต ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ปีนี้ก็เช่นกัน ใครหลายคนส่งความสุขปีใหม่ด้วย "หนังสือ" ให้คนที่รักและเคารพ

"ประชาชาติธุรกิจ" ฉบับนี้ ชวนหนอนหนังสือ 2 ท่าน แนะนำหนังสือน่าอ่าน 10 เล่ม เป็นของขวัญปีกระต่าย 2554 ให้กับ คุณผู้อ่าน

คน แรกคือ "ดร.ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์" อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.) อีกคนคือ "สฤณี อาชวานันทกุล" นักเขียนและนักวิชาการอิสระ

จาก "ห้วงมหรรณพ"

"สี่แผ่นดิน" ถึง "ขวัญสงฆ์"

หนังสือ เล่มแรกที่ ดร.ชัยวัฒน์แนะนำ คือ "ห้วงมหรรณพ" โดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นวนิยายเชิงสารคดี บอกว่า จุดเด่นของเล่มนี้คือให้คนอ่านได้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์ ตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียวไปจนถึงการมาเป็นมนุษย์ ความหมายของการเป็นมนุษย์ และการมีครอบครัว นอกจากนี้ยังนำหลักธรรมะมาจับและอธิบายให้ฟังถึงสิ่งมีชีวิตว่าคืออะไร ซึ่งผู้อ่านจะได้มิติทั้งเรื่องปรัชญาและศาสนาอยู่ในเล่มเดียวกัน

เล่ม ที่สองคือ "สี่แผ่นดิน" ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เช่นกัน จุดเด่นคือเป็นนวนิยายประวัติศาสตร์ที่ร่วมสมัยมาจนถึงวันนี้ อ่านแล้วได้ทั้งความเพลิดเพลินและความรู้เชิงประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะชีวิตของ "แม่พลอย" ผู้หญิงแกร่ง และมิติดราม่า ที่สำคัญคนอ่านจะได้เห็นเบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงของสังคมของสังคมไทย

ถัด มาเล่มที่สาม "ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน" ของ "วินทร์ เลียววาริณ" ดร.ชัยวัฒน์บอกว่า วินทร์เขียนได้สนุกและ ร่วมสมัย กะทัดรัด หักมุม จบในบท แต่ร้อยเรียงตัวละครให้ เดินต่อไปในแต่ละตอนได้เป็นอย่างดี

ต่อมา เล่มที่สี่ เป็นหนังสือวรรณกรรมสำหรับเด็ก แบ่งเป็น วรรณกรรมเยาวชนเด็กผู้ชาย ได้แก่ เรื่อง "บึงหญ้าป่าใหญ่" เขียนโดย "เทพศิริ สุขโสภา" เป็นหนังสือคลาสสิกรุ่นเก่าที่น่าอ่าน ส่วนวรรณกรรมเด็กผู้หญิงคือ "ความสุขของกะทิ" ของ "งามพรรณ เวชชาชีวะ" เล่มนี้อ่านง่าย ภาษาในการเดินเรื่องน่ารักและสวยงาม ประสานกับความคิดความเข้าใจเกี่ยวกับครอบครัว แม่ และความเสียสละ

เล่ม ที่ห้าคือ "ขวัญสงฆ์" ของ "ชมัยภร แสงกระจ่าง" เป็นวรรณกรรมเยาวชน ที่มีความโดดเด่นด้านการแต่งนวนิยายเป็น ร้อยกรองทั้งเล่ม ซึ่งเป็นเรื่องราวของเด็กกำพร้า อยู่กับพระ อยู่กับวัด ท่ามกลางบทเรียนชีวิตมากมาย ที่สำคัญผู้อ่านจะได้ความงามและความซาบซึ้งของบทกวี



จะรักกันอย่างไร

ในเมื่อเรายังไม่เข้าใจกัน


ด้าน "สฤณี" แนะนำหนังสือเล่มแรกชื่อว่า "จะรักกันอย่างไร ในเมื่อเรายังไม่เข้าใจกัน" ของอาจารย์ "อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์" รวบรวมจากคอลัมน์ "ใต้กระแส" ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ สำนักพิมพ์ "โอ้ มาย ก็อด พับลิชชิ่ง"

"สฤณี" บอกว่า หนังสือเล่มนี้มีความโดดเด่นทั้งจากตัวผู้เขียน ซึ่งเป็นนักประวัติศาสตร์ เป็นนักสังคมวิทยาที่มีสายตาเฉียบแหลม เพราะทำงานคลุกคลีกับชาวบ้านมาต่อเนื่อง

"เวลาพูดถึงความเหลื่อม ล้ำหรือประเด็นปัญหาสังคม สาเหตุ และบริบทที่เปลี่ยนแปลงไป อาจารย์อรรถจักร์เป็นนักคิดคนหนึ่งที่คิดได้ลึกซึ้ง เขียนได้เข้าใจ โดยแตะตั้งแต่ปัญหาสังคม เช่น คุณภาพการศึกษา ไปจนถึงปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ปีใหม่จึงอยากให้คนไทยเริ่มทำความเข้าใจกับปัญหาใหญ่ต่าง ๆ ในระดับที่ลงลึกถึงสาเหตุ ถ้าไม่ศึกษารากของปัญหา"

"สงครามระหว่างสี "

ถัด มาเล่มที่สองคือ หนังสือ "สงครามระหว่างสี" : ก่อนถึงจุดที่มิอาจหวนกลับ และ "สงครามระหว่างสี" : ในคืนวันอันมืดมิด ของอาจารย์ "เกษียร เตชะพีระ" ซึ่ง "ก่อนถึงจุดที่มิอาจหวนกลับ" พูดถึงวิกฤตการณ์การเมือง "ระบอบทักษิณ" ไปจนถึงการรัฐประหาร และปรากฏการณ์เสื้อเหลือง ส่วน "ในคืนวันอันมืดมิด" พูดถึงรัฐบาลอภิสิทธิ์ ปรากฏการณ์เสื้อแดง และเหตุการณ์พฤษภาคมเลือด 2553 ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์โอเพ่นบุ๊ค

"ทั้ง 2 เล่ม อาจารย์เกษียรเขียนได้แหลมคม ย่อยเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย อธิบายหลักการและเหตุการณ์อื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกับเหตุการณ์ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ของประเทศไทยเองในอดีตไปจนถึงเหตุการณ์ในต่างประเทศ ที่อาจจะช่วยให้เราเข้าใจสังคมไทยได้มากขึ้น"

"นอกจากนี้ยังมี เรื่องประชาธิปไตย เรื่องความชอบธรรมทางการเมือง ค่อนข้างครบถ้วน ถ้าใครอยากจะเข้าใจปรากฏการณ์ของประเทศไทย อย่างน้อยในแง่ทางความคิดระหว่างเสื้อเหลืองกับเสื้อแดง ถ้าอ่านจบทั้ง 2 เล่ม จะเข้าใจว่าสังคมไทยไม่ใช่แค่วิกฤตทางการเมืองอย่างเดียว แต่มันซับซ้อนมากกว่านั้น"

"มังกรทะยาน คชสารผยอง"

เล่ม ที่สามที่ "สฤณี" แนะนำให้คนไทยอ่านคือ "มังกรทะยาน คชสารผยอง" หนังสือแปลของสำนักพิมพ์มติชน จัดพิมพ์สำนวนแปลของคุณ "สมชัย สุวรรณบรรณ" แปลจากภาษาอังกฤษชื่อ "The Elephant and the Dragon" ของ Robyn Meredith พูดถึงปรากฏการณ์ระดับโลก ของ 2 ประเทศคือ "จีน" และ "อินเดีย"

ความ โดดเด่นคือไม่ใช่แค่การสรุปข่าวว่าจีนกับอินเดียโตเร็วแค่ไหน แต่คนเขียนซึ่งเป็นนักข่าวเจาะที่เก่งมาก เท้าความกลับไปถึงประวัติศาสตร์ของจีนและอินเดีย และบอกเล่าการเดินทางของอินเดียกับจีนที่เหมือนและแตกต่างกัน

นอกจากนี้ยังวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งของแต่ละประเทศ และพูดถึงปัญหาปัจจุบัน เช่น ปัญหาสิ่งแวดล้อมของจีน

"สฤณี" บอกว่า ประเด็นที่ชอบมากในหนังสือเล่มนี้คือ การแตะประเด็นวัฒนธรรมและสภาพสังคมของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งน่าก็จะช่วยอธิบายคำพูดฝรั่งที่ว่า อีกหน่อยจีนจะเป็นประชาธิปไตย เพราะทุนนิยมมันต้องไปด้วยกัน ซึ่งหนังสือเล่มนี้จะชี้ว่า อาจจะไม่ใช่อย่างนั้นก็เป็นได้

"คนจีนจำนวนมากก็ไม่ได้อยากเป็น ประชาธิปไตย อ่านแล้วสนุก คนเขียนก็ค่อนข้างใจกว้าง คือมองจากคนอเมริกันที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกคุกคาม โดยพยายามทำความเข้าใจจีนและอินเดีย เรียกว่าเป็นหนังสือที่อธิบายปรากฏการณ์โลกได้ดีอีกเล่มหนึ่ง"

โลกใบเขียวของคิ้วหนา

เล่ม ที่สี่คือ "โลกใบเขียวของคิ้วหนา" สำนักพิมพ์โลกสีเขียว เป็นหนังสือภาคต่อของหนังสือที่ชื่อ "โลกร้อน ทุกสิ่งที่เราทำเปลี่ยนแปลงโลกเสมอ" ของคุณ "ฐิตินันท์ ศรีสถิต"

ความ น่าสนใจของเล่มนี้คือผู้เขียนเป็นคนที่พยายามปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตอยู่ตลอด และทดลองอะไรใหม่ ๆ ที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตที่เราจะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม อยากมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อม อ่านสนุก เขียนง่าย และมีการ์ตูนประกอบ

ความจริงของความจน

ส่วนเล่มสุด ท้ายคือ "ความจริงของความจน" เป็นหนังสือที่ดาวน์โหลดได้ฟรีจาก www.fringer.org ผลิตโดยคณะนักวิชาการ ภายใต้คณะทำงานวาระทางสังคม สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2544

"สฤณี" อธิบายว่า หนังสือเล่มนี้เกิดขึ้นช่วงที่มีการขับเคลื่อนรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 มีการตั้งคณะทำงาน ซึ่งคล้ายคณะปฏิรูปที่มีอยู่ในขณะนี้ โดยพยายามระดมสมองนักวิชาการมาช่วยคิดเรื่องความเหลื่อมล้ำ ความยากจน ตัวหนังสือเป็นบทแนะนำที่ค่อนข้างดี เพราะมีอาจารย์หลายท่านมาช่วยกันเขียน ตั้งแต่อาจารย์หมอประเวศ วะสี อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ อาจารย์อานันท์ กาญจนพันธุ์ และนักวิชาการอีกหลายท่านที่คลุกคลีกับชาวบ้านและศึกษาปัญหาความเหลื่อมล้ำ อาทิ อาจารย์รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์ ม.ร.ว.อคิน รพีพัฒน์ ฯลฯ

"จุด เด่นของหนังสือเล่มนี้คือยังทันสมัยอยู่ เพราะปัญหาความเหลื่อมล้ำในเมืองไทยเป็นปัญหาเชิงวิธีคิด ซึ่งคนอาจไม่ค่อยรู้ คิดแค่ว่าถ้าขยันก็รวยได้ ซึ่งจริง ๆ อาจมีมากกว่านั้น ด้วยปัญหาโครงสร้างมากมายในสังคมไทย ที่กีดกันคนไม่ให้ยกระดับได้ง่าย"

ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการใช้อำนาจใน ระบบยุติธรรม ปัญหา โครงสร้างภาษีไม่เป็นธรรม ซึ่งถ้าไปอ่านข้อดีของหนังสือเล่มนี้ ก็คือ เขาจะตัดสลับความคิดและผลงานของอาจารย์หลายท่าน ด้วยปากคำของคนจน

นอกจากนี้เราก็จะได้อ่านก่อน เช่น คนที่มีปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน ปัญหาคืออะไร แล้วก็โยงมาว่า ในทางวิชาการจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร

"ที่ แนะนำเพราะตอนนี้อยู่ในกระแสปฏิรูปประเทศไทย แล้วจะปฏิรูปได้จริงหรือไม่ได้จริง ไม่ได้อยู่ที่นโยบายอย่างเดียว แต่อยู่ที่...อาจารย์นิธิใช้คำว่า "ความต้องการของสังคม" คือคณะปฏิรูปก็ไม่ได้เป็นรัฐบาล แค่เสนอเฉย ๆ แต่รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ถ้าสังคมเข้าใจประเด็น มองเห็นว่ามันเป็นปัญหายังไง มีฉันทามติในหมู่ประชาชนให้เกิด ไม่ว่ารัฐบาลจะเป็นใครก็จะต้องผลักดันให้เกิด"

"หนังสือแบบนี้จึง เป็นการเริ่มสร้างความเข้าใจ ว่าจริง ๆ ปัญหาเป็นปัญหาอย่างไร ถือเป็นหนังสือคลาสสิกอีกเล่มหนึ่ง ที่ไม่ได้ใช้ภาษาวิชาการที่เข้าใจยาก เพราะอาจารย์แต่ละท่านเป็นนักคิดที่อธิบายเก่งและเชื่อมโยงให้เห็นว่า ปัญหาคนจนเป็นแบบนี้ แล้วสะท้อนมาว่าจะต้องแก้ปัญหาอย่างไรบ้าง หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือแจกฟรี สำหรับทุกคนที่อยากจะศึกษาและร่วมสร้างสิ่งที่อาจารย์นิธิเรียกว่า "ฉันทามติของประชาชน"" สฤณีทิ้งท้าย

ปีใหม่นี้ขอให้ผู้รักการอ่านมีความสุขและสนุกกับหนังสือเล่มโปรดตลอดปี


หน้า 28


http://www.prachachat.net/view_news.php?newsid=02spe01030154&sectionid=0223&day=2011-01-03


หนังสือที่คนไทยควรอ่าน ของขวัญปีใหม่ 10 เล่ม จากหนอนหนังสือ "ชัยวัฒน์" - "สฤณี"

DealDidi ร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่กับแคมเปญพิเศษ Budget Travel




จาก: Tourism Authority of Thailand <noreply@tat.or.th>
วันที่: 3 มกราคม 2554, 14:13
หัวเรื่อง: DealDidi ร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่กับแคมเปญพิเศษ Budget Travel
ถึง:


---