ติดต่อ คุณอัจฉรา 086-6282817 หรือร่วมบริจาค ธ.กรุงไทย เลขบัญชี 031-0-03432-9 หรือ ธ.กรุงเทพ เลขบัญชี 145-5-24762-5 ชื่อบัญชีสมาคมสร้างสรรค์กิจกรรมอิสรชน ต้องใช้จ่าย เดือนละ 1 แสนบาท โดยเป็นค่าใช้จ่าย ใน 3 โครงการ ที่ดูแล คนเร่ร่อนไร้บ้าน...พนักงานบริการ ...เด็กและเยาวชนในชนบทกลุ่มต่าง ๆ /"ความสำเร็จประกอบด้วยความผิดพลั้งหลายๆ ครั้งมารวมกันโดยที่ความกระตือรือร้นที่หวังจะพบกับชัยชนะนั้นยังคงอยู่" (วินสตัน เชอร์ชิลล์).
วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2554
myanmar cyclone 11.05.2008
วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2554
แปรงส่องฟัน แปรงสีฟัน "ทูธ การ์เดียน"เพื่อประโยชน์ในการส่องสำรวจดูสภาพฟัน
แปรงส่องฟัน
แปรงสีฟัน "ทูธ การ์เดียน"เพื่อประโยชน์ในการส่องสำรวจดูสภาพฟัน
แปรงส่องฟัน - แปรงสีฟัน "ทูธ การ์เดียน" งานออกแบบของยู่ฉินหลิน, ชูเฉชาง และเซี่ยงฉวนลู่ โดยแปลงต้นแบบนี้ติดตั้งกล้องไว้ที่ด้านหลังของตัวแปรงด้านบน เพื่อประโยชน์ในการส่องสำรวจดูสภาพฟันของผู้ใช้ และภาพที่ได้จะแสดงให้เห็นที่กระจกเงาในห้องน้ำได้อีกด้วย (กิซแม็ก) |
หน้า 28
วงแตกอีกราย "อัญชลีพร กุสุมภ์" ลาออกเอเอสทีวี-ปมซัด "ลิ้ม" รับเงินทักษิณ
วันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เวลา 02:11 น. ข่าวสดออนไลน์ วงแตกอีกราย "อัญชลีพร กุสุมภ์" ลาออกเอเอสทีวี-ปมซัด "ลิ้ม" รับเงินทักษิณ วันที่ 12 ธ.ค. ผูุ้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยังคงโพสต์ข้อความค้างไว้ในเว็บเฟซบุ๊กส่วนตัว Parnthep Pourpongpan ระบุถึงสาเหตุที่นางอัญชลีพร กุสุมภ์ ผู้ประกาศข่าวและพิธีกรหลักคนสำคัญของสถานีเอเอสทีวี (ASTV) กระบอกเสียงกลุ่มพันธมิตรฯ ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ลาออกจากเอเอสทีวี
โดยเนื้อหาที่โพสต์ระบุว่า "หลังจากที่คุณสนธิได้คุยกับคุณอัญชลีพร กุสุมภ์ เล่าถึงพยานบุคคลที่ยืนยันเรื่องที่มีการระบุว่าคุณอัญชลีพร กุสุมภ์ ซึ่งเป็นคนในองค์กรไปผสมโรงว่าคุณสนธิรับเงินทักษิณ โดยอ้างการยืนยันแหล่งข่าวด้านความมั่นคง คุณอัญชลีพรได้ฟังแล้วอึ้งไปแต่ปฏิเสธ คุณสนธิจึงได้เล่าความยากลำบากในการแบกรับภาระ ASTV ที่ต้องขายทรัพย์สินและเป็นหนี้สินอย่างไรโดยไม่่เคยยอมสยบกับอำนาจเงินของทักษิณ ข้อกล่าวหาจึงเป็นการใส่ร้ายแบบเลื่อนลอยพูดปากต่อปากไร้หลักฐานและไม่มีมูลอะไรเลย
คุณอัญชลีพรขอโทษที่ไม่ได้มาคุยแต่ไม่ขอรับผิด คุณสนธิจึงให้ไปทบทวน 2 ทางเลือก 1.ถ้าในใจคุณอัญชลีพรเชื่อว่าคุณสนธิไม่ได้รับเงินทักษิณ คุณสนธิก็ให้โอกาสทำงานต่อในโครงการสุขภาพท่ี่เช่าเวลาจาก ASTV หรือ 2.ถ้าติดค้างในใจยังเชื่อว่าคุณสนธิรับเงินทักษิณคุณอัญชลีพรก็ไม่ควรอยู่ที่นี่ หลังจากนั้น 2 วันคุณอัญชลีพรจึงลาออก.. "หมายเหตุ: การพบปะกันระหว่างคุณสนธิกับคุณอัญชลีพรครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่คุณอัญชลีพรได้ยื่นจดหมายลาออก และโพสต์ข้อความในเฟสบุ๊คแล้ว โดยในการนี้คุณสนธิได้ระบุชื่อพยานและข้อความที่พยานมาเล่าให้ฟังแบบคำต่อคำ โดยพยานท่านนี้เป็นผู้หลักผูใหญ่ในวงการการศึกษา ไม่มีเรื่องโกรธแค้นใดๆกับคุณอัญชลีพรมาก่อน" นอกจากนั้น นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย คอลัมนิสต์และนักจัดรายการของเอเอสทีวี ยังให้รายละเอียดผ่านการจัดรายการเอเอสทีวีถึงปัญหาการลาออกของนางอัญชลีพร กุสุมภ์ มีเนื้อหาโดยสรุปว่า 1. เกิดจากทัศนคติที่ไม่ตรงกันเกี่ยวกับมุมมองที่มีต่อม็อบคัดค้านนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งนายชัชวาลย์อ้างว่าสามีนางอัญชลีพรทำงานกับบริษัทที่มีผลประโยชน์ในมาบตาพุด 2. นางอัญชลีพรเคยพูดจาเยาะเย้ยเสียดสีจำนวนผู้ชุมนุมพันธมิตรหน้าทำเนียบว่ามีน้อยกว่า "ซาลาเปา" ที่แจกตอนเช้า ซึ่งเป็นการพูดจาเหมือนพรรคประชาธิปัตย์ อีกทั้งเมื่อนายชัชวาลย์ตักเตือนนางอัญชลีพรยังพูดสวนทำนองว่า "ตอนสมัครงานไม่ได้ระบุว่าห้ามชอบพรรคประชาธิปัตย์" และ 3. นางอัญชลีพรเป็นคนในเอเอสทีวี แต่กลับไปร่วมปล่อยข่าวและยืนยันว่าลือในหมู่อาจารย์เกษตรศาสตร์ว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล รับเงินจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายสนธิรู้ว่าคนปล่อยข่าวรายแรกๆ คือ นายกรณ์ จาติกวณิช สำหรับคลิปเสียงการจัดรายการโจมตีนางอัญชลีของนายชัชวาลย์เว็บไซต์ไทยอีนิวส์ระบุว่าคลิกฟังได้ที่http://www.apeshit.info/vdo/Rumour.mp3 ส่วนแกนนำพิธีกรบนเวทีผู้ประกาศข่าวและแนวร่วมของพันธมิตรและเอเอสทีวีที่มีปัญหาขัดแย้งกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล จนต้องแยกทางเดินกันไปแล้ว อาทิ อัญชะลี ไพรีรัก, สมศักดิ์ โกศัยสุข, วีระ สมความคิด, เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ฯลฯ รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNeU16WXpNVFkzTXc9PQ%3D%3D§ionid |
|
วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
4 ประเทศต้นแบบ... ป้องกันอุทกภัยซ้ำรอย!!!
4 ประเทศต้นแบบ... ป้องกันอุทกภัยซ้ำรอย!!!
ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศเดียวที่พบกับเหตุการณ์น้ำท่วมร้ายแรง อีกหลายประเทศทั่วโลกก็เคยเผชิญกับภัยพิบัติเช่นนี้มาแล้ว แต่เขามีวิธีการที่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยขึ้นอีกเลย เราจะลองมาดูกันว่าประเทศอื่นๆเขาเตรียมความพร้อมกับการรับมือน้ำท่วมไว้ใน รูปแบบใดกันบ้าง
เนเธอร์แลนด์...ต้นแบบประเทศป้องกันภัยพิบัติทางน้ำ
ประเทศ เนเธอร์แลนด์ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ได้รับการยกย่องว่ามีระบบป้องกันน้ำ ท่วมที่ดีที่สุดในโลก เนื่องจากแผ่นดินกว่าร้อยละ 26 ของประเทศ อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล โดยพื้นที่ที่ว่านี้เป็นจุดเสี่ยงเจอน้องน้ำรุกราน และเป็นฐานเศรษฐกิจที่สร้างรายได้กว่า 70% ของเนเธอร์แลนด์ รัฐบาลจึงยอมทุ่มงบประมาณถึง 2.4 แสนล้านบาท ในการสร้าง Delta Work หรือพนังกั้นน้ำที่สามารถสกัดคลื่นสูงถึง 40 ฟุตจากระดับน้ำทะเลยาวถึง 600 กิโลเมตร อีกทั้งสร้างประตูระบายน้ำบริเวณปากอ่าว เพื่อควบคุมน้ำทะเลไม่ให้ทะลักเข้าแม่น้ำ ซึ่งเสี่ยงต่อภาวะน้ำท่วมในพื้นที่อยู่อาศัยของประชาชน
อังกฤษ...ประตูระบายน้ำพันปี
ประเทศ อังกฤษจัดว่าเป็นประเทศที่มีพื้นที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล แต่ตลอด 27 ปีที่ผ่านมา กรุงลอนดอน เมืองหลวงของประเทศไม่เคยเจอน้ำท่วมเลยสักครั้ง เนื่องจากรัฐบาลเมืองผู้ดียอมทุ่มทุน 1.3 พันล้านปอนด์ สร้างประตูระบายน้ำที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก (รองจากเนเธอร์แลนด์) ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำเทมส์ โดยประตูดังกล่าวมีความยาว 520 เมตร สามารถกั้นคลื่นได้สูงสุด 200 ฟุต มีระบบเปิดปิดอัตโนมัติตามความเหมาะสมของสภาพอากาศ ทั้งนี้คาดว่าประตูระบายน้ำมูลค่ามหาศาลนี้สามารถใช้งานได้นานเป็นพันปี
เยอรมนี...นำเสนอสะพานทางด่วนระบายน้ำ
ประเทศ เยอรมนีสร้างสะพานทางด่วนระบายน้ำ ซึ่งมีรูปร่างเป็นตัวยู ยกข้ามแม่น้ำเชื่อมต่อกับคลอง โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นเส้นทางระบายน้ำและช่วยผลักดันมวลน้ำส่วนเกินไป ที่ทะเล และยังสามารถเป็นเส้นทางเดินเรือขนส่งสินค้าได้อีกด้วย เรีบกว่าใช้ป้องกันน้ำท่วมและใช้ในการพาณิชย์ได้อย่างดีเยี่ยม
สิงคโปร์...เรียนรู้จะอยู่กับน้ำ
ประเทศ สิงคโปร์มีสภาพเป็นเกาะเล็กๆที่ล้อมไปด้วยน้ำจำนวนมหาศาล ดังนั้นระบบการจัดการน้ำจึงต้องพัฒนาอย่างขีดสุด เพราะเราแทบไม่เคยได้ยินข่าวว่าเกาะเล็กๆแห่งนี้เจอภัยพิบัติทางน้ำรุนแรง หรือป้องกันไม่ทัน โดยการจัดการน้ำที่ว่าก็คือ เขื่อนกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีความสามารถป้องกันพื้นที่ที่ต่ำกว่าระดับน้ำ ทะเลได้ และการออกแบบที่สวยงาม ทำให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใครๆก็อยากมาชมด้วยตาสักครั้ง
เห็น ไหมว่าแต่ละประเทศมองเห็นถึงผลของการลงทุนที่มหาศาลว่ามันคุ้มค่า และสามารถป้องกันได้จริง แล้วทำไมประเทศไทยถึงไม่นำประสบการณ์ที่เคยพบเจอมาปรับและลองเปลี่ยนให้ ประเทศไม่เกิดเหตุซ้ำรอยขึ้นเป็นครั้งต่อไป...!!!
ข้อมูล : a day BULLETIN ISSUE 174
โดย: ไทยรัฐออนไลน์ไลฟ์สไตล์
28 พฤศจิกายน 2554, 14:00 น.
http://m.thairath.co.th/content/life/219749
วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
ทีมวิจัยสิทธิบัตรยาเผย บริษัทยารักษามะเร็งเม็ดเลือดแอบผูกขาดยาว
ทีมวิจัยสิทธิบัตรยาเผย บริษัทยารักษามะเร็งเม็ดเลือดแอบผูกขาดยาว
28 พ.ย.54 ภญ.ดร.อุษาวดี มาลีวงศ์ ทีมวิจัย "สิทธิบัตรยาที่จัดเป็น evergreening patent ในประเทศไทย และการคาดประมาณผลกระทบที่เกิดขึ้น" ได้เปิดเผยความคืบหน้าของการวิจัยพบว่า ยาตัวสำคัญๆ หลายตัวที่จำเป็นต่อการรักษาโรค มีคำขอสิทธิบัตรที่เข้า
ข่ายการขอรับสิทธิบัตรที่มีลักษณะ evergreening หรือเรียกว่า สิทธิบัตรที่มีลักษณะแบบไม่มีที่สิ้นสุด เป็นจำนวนมาก ซึ่งหากได้รับสิทธิบัตรไป อุตสาหกรรมยาข้ามชาติจะได้สิทธิผูกขาดมากไปกว่าที่ควรได้ โดยในยาบางตัวพบว่าจะมีระยะเวลาการผูกขาดในตลาดยานานขึ้นถึง 10 ปี
"เราพบว่า ยา Imatinib หรือชื่อทางการค้าคือ ยา Glivec ซึ่งเป็นยารักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว ที่ก่อนหน้านี้อยู่ในกลุ่มการประกาศบังคับใช้สิทธิ (CL) มีคำขอรับสิทธิบัตรของยาตัวนี้ในประเทศไทยถึง 6 คำขอ ทั้งการใช้, การขอในรูป salt form และการขอในรูปของ polymorph ซึ่งอยู่ในข่ายที่เป็น evergreening ชัดเจน หากเทียบกับสิทธิบัตรตัวตั้งต้นของสหรัฐอเมริกา ยาตัวนี้น่าจะหมดสิทธิบัตรในไทยในปี 2559 แต่หากคำขอสิทธิบัตรแบบ evergreening เหล่านี้ได้รับการอนุมัติ ผู้ขอจะได้สิทธิผูกขาดทำให้ไม่มีใครสามารถผลิตยาชื่อสามัญเข้ามาแข่งได้จนถึงปี 2569 ซึ่งมากกว่าสิทธิที่พึงจะได้ถึง 10 ปี อย่างไรก็ตาม คำขอเหล่านี้พ้นระยะเวลาที่จะนักวิจัยและภาคประชาชนจะสามารถทำคำคัดค้านได้ เพราะตามกฎหมายในบ้านเรานั้นกำหนดระยะเวลาในการคัดค้านก่อนการได้รับสิทธิบัตรไว้เพียง 90 วัน ซึ่งถือว่าน้อยมากหากเปรียบเทียบกับกฎหมายสิทธิบัตรในต่างประเทศ เราจึงทำได้เพียงนำส่งข้อมูลให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาและแจ้ง
ต่อสาธารณชน"
ทางด้าน นางสาวกรรณิการ์ กิจติเวชกุล ทีมวิจัยฯ กล่าวว่า ยากลีเวคกำลังกลับมาเป็นที่สนใจของสาธารณะอีกครั้ง เพราะในวันพรุ่งนี้ (29) ศาลสูงสุดของอินเดียจะเริ่มการไต่สวนคดีที่ บ.โนวาร์ติสกล่าวหารัฐบาลอินเดียทำผิดรัฐธรรมนูญ ไม่แก้กฎหมายสิทธิบัตรให้เป็นไปตามองค์การการค้าโลก หลังจากที่สำนักงานสิทธิบัตรอินเดียปฏิเสธที่จะให้สิทธิบัตรกับคำขอที่เป็น evergreening ในยาตัวนี้ โดยให้เหตุผลว่า ไม่มีนวัตกรรมที่สูงขึ้น
"คดีนี้มีความสำคัญต่อการเข้าถึงยาของประชาชนทั่วโลก เพราะการยอมให้จดสิทธิบัตรในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย จะส่งผลกระทบมหาศาล โดยไปขัดขวางยาชื่อสามัญเข้าสู่ตลาด และนำไปสู่การเข้าไม่ถึงยาของประชาชนในที่สุด ไม่เพียงเท่านั้น ยังจำกัดการวิจัยเพื่อให้เกิดความก้าวหน้าด้านเภสัชศาสตร์ซึ่งเป็นผลกระทบตั้งแต่ต้นน้ำด้วย ซึ่งนี้เป็นข้อสรุปที่สะท้อนในงานวิจัยเรื่องสิทธิบัตรที่ไม่มีวันสิ้นสุดที่ทำใน 5 ประเทศคือ อาร์เจนติน่า บราซิล โคลอมเบีย อินเดีย และแอฟริกาใต้ ของสถาบันเซาท์เซ็นเตอร์ สถาบันวิชาการด้านการค้าระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่ที่นครเจนีวา ซึ่งเพิ่งเผยแพร่เมื่อไม่นานมานี้"
ทีมวิจัยฯกล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ได้มีการแถลงผลการวิจัยเบื้องต้นในคำขอสิทธิบัตรทางยาในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเข้าข่าย evergreening ถึงร้อยละ 96 นั้น ทางเครือข่ายผู้ป่วยและทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้เชิญทีมวิจัยไปให้ข้อมูลเพื่อทำความรู้ความเข้าใจกับเรื่องนี้มากขึ้น
"ทราบมาว่า ขณะนี้ทางสมาคมบริษัทยาข้ามชาติ หรือ พรีม่า ก็พยายามที่จะขอเข้าไปให้ข้อมูลกับกรมทรัพย์สินฯ ว่าสิ่งที่เขาขอนั้น เป็นนวัตกรรมที่เพิ่มขึ้นจากสิ่งที่มีอยู่เดิม (Incremental Innovation) ซึ่งก็เป็นสิทธิของทางพรีม่าในการให้ข้อมูล แต่เราเชื่อว่าขณะนี้หน่วยราชการและผู้กำกับนโยบายมีความตระหนักถึงปัญหาการผูกขาดทรัพย์สินทางปัญญาที่เกินเลย ก็ต้องฝากทั้งผู้กำกับนโยบายและหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ เนื่องจากจะมีผลกระทบที่เกิดกับการเข้าไม่ถึงยาของประชาชนทั้งประเทศ"
วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9540000148359
|
| ||||
|
วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
การ์ตูน อรุณ วัชระสวัสดิ์ ล้อ"พล.ต.อ.ประชา" ชะตากรรมถูกลอยแพ กลางฝูงฉลาม ปชป. เกาะถุงยังชีพ (รั่ว)
เคหะธนฯยังอ่วม ยุงชุม-น้ำเน่า ท่วมสูงกว่าเมตร
เคหะธนฯยังอ่วม ยุงชุม-น้ำเน่า ท่วมสูงกว่าเมตร
สถานการณ์น้ำท่วมที่ชุมชนเคหะธนบุรี โครงการ 1 ถนนพระราม 2 ซ.69 ยังอ่วม! ระดับน้ำสูง 60-120 ซม.พบชาวบ้านเริ่มป่วยน้ำกัดเท้า-ท้องร่วง เจ้าหน้าที่เตรียมนำปลาหางนกยูงปล่อยลงน้ำ แก้ปัญหายุงชุม คนขับสามล้อถีบโอด น้ำท่วมรายได้หด...
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 21 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมภายในชุมชนเคหะธนบุรี โครงการ 1 ถนนพระราม 2 ซอย 69 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน พบว่าน้ำยังท่วมบนพื้วผิวการจราจรตลอดซอย ตั้งแต่บริเวณด้านข้างห้างสรรพสินค้าโลตัส แต่ยังไม่มีล้นขึ้นบนถนนพระราม 2 โดยความสูงของน้ำที่ท่วมนั้น มีความต่างกันตามสภาพของพื้นดิน อยู่ที่ระหว่าง 60–120 เซนติเมตร รถจยย. และรถยนต์ขนาดเล็กสามารถสัญจรได้ สามารถเข้าซอยได้ถึงปากซอยพระราม 2 ที่ 69 แยก 3 เท่านั้น หากประชาชนต้องการสัญจรเข้าไปต่อ จะต้องเดินบนสะพานไม้ หรือไม่ก็ต้องรอเรือกับรถบรรทุกของทหารและตำรวจที่มีให้บริการอยู่ตามจุดนัดหมายภายในซอย นอกจากนี้ยังพบว่า จุดจอดรถแท็กซี่อัจฉริยะ ซึ่งทางกรุงเทพมหานครเคยกำหนดไว้ บริเวณด้านข้างห้างสรรพสินค้าโลตัส ได้แปรสภาพเป็นจุดเทียบเรือรับจ้าง และเรือชาวบ้านที่เดินทางออกมาจับจ่ายซื้อของไปกักตุนไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จากการสอบถาม พ.ต.อ.ยุคลเดช ตันสกุล ผกก.สน.ท่าข้าม ซึ่งตั้งศูนย์ ศปก.สน.ท่าข้าม อยู่ในชุมชน กล่าวว่า น้ำเริ่มสร้างความเสียหายภายในชุนชนแห่งนี้มาตั้งแต่ประมาณวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา ช่วงนั้นระดับน้ำบริเวณแยกซอยที่ 21, 22 และ 23 วิกฤติสูงสุดถึง 1.50 เมตร ส่งผลให้ชาวบ้านกว่า 3,500 ครัวเรือน เกือบ 20,000 ชีวิต ต้องเดือดร้อน อพยพออกจากพื้นที่กันจ้าละหวั่น แต่ยังมีบางส่วนที่ไม่ได้ละทิ้งบ้านไปไหน ก็พยายามปรับสภาพอยู่กับน้ำให้ได้ จึงจะเห็นว่าตอนนี้ลูกเด็กเล็กแดงสามารถพายเรือ พาพ่อกับแม่หรือญาติผู้ใหญ่ออกมาทำธุระกันได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว สำหรับสถานการณ์ขณะนี้น้ำได้เริ่มลดลงแต่ยังลดไม่มาก จุดที่เคยวิกฤติสูงสุด เหลืออยู่ประมาณ 1.20 เมตร ซึ่งรถชาวบ้านก็ยังใช้สัญจรผ่านไม่ได้อยู่ดี ขณะที่มีชาวบ้านบางส่วนเริ่มป่วยจากโรคน้ำกัดเท้า และเด็กๆท้องร่วงกันมากขึ้น สังเกตได้จากจำนวนชาวบ้านที่เดินทางมาพบแพทย์ รพ.บางปะกอก 8 อินเตอร์ฯ ที่อาสามาประจำอยู่ที่เต็นท์ ศปก.สน.ท่าข้าม มากขึ้นทุกวัน
"ส่วนจะมีโรคระบาดชนิดอื่นตามมาอีกหรือไม่ ตนคงตอบไม่ได้ แต่เริ่มมีบางรายที่เป็นไข้สูง จ่ายยาพาราเซตามอลไปทานแล้วไข้ไม่ลด ต้องส่งตัวไปเจาะเลือดที่โรงพยาบาลแล้ว 2-3 ราย โดยตนเชื่อว่าชาวชุมชนเคหะธนบุรี โครงการ 1 ทั้ง 6 ส่วน จะต้องทนอยู่กับน้ำในลักษณะนี้ไปอีกอย่างต่ำ 1 เดือน ซึ่งน้ำที่เน่าเสีย ก็จะมียุงลายพาหนะนำโรคไข้เลือดออกจำนวนมากมาอยู่กับชาวบ้านด้วย ตนจึงประสานงานกับ กต.ตร.สน.ท่าข้าม ให้ช่วยนำพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลาหางนกยูง ซึ่งหาซื้อได้ง่าย มีราคาถูก จำนวน 500 คู่ มาดำเนินการแจกจ่ายให้ชาวบ้านชุมชนเคหะธนบุรี ส่วนที่ 1 นำไปปล่อยตามใต้ถุนบ้าน เป็น การนำร่องก่อน คาดว่าปลาเหล่านี้น่าจะช่วยกินลูกน้ำ ลดปริมาณของยุงไปได้เยอะ ประกอบกับปลาหางนกยูงเป็นปลาที่อึด ตายยาก แพร่พันธุ์รวดเร็วอยู่ในน้ำได้ทุกสภาพ หากหลังจากนี้ ผู้มีจิตศรัทธาอยากนำพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลามาบริจาค ตนก็น้อมรับ จะได้นำไปช่วยเหลือชาวบ้านให้ทั่วถึงต่อไป" พ.ต.อ.ยุคลเดช กล่าว
ขณะที่นายสุพงศ์ โชติพันธุ์ ประธานชุมชนเคหะธนบุรีโครงการ 1 ส่วนที่ 1 กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยได้รับการสนับสนุนอีเอ็มบอล จากกระทรวงสาธารณสุขมาแล้วประมาณ 1,000 ลูก แต่ขณะนี้ได้แจกจ่ายให้ชาวบ้านนำไปโยนรอบๆ บ้านเรือนจนหมดแล้ว คาดว่าปริมาณอีเอ็มบอลที่ได้รับมา อาจยังไม่เพียงพอ จึงประสานให้สมาคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขเดินทางมาเป็นวิทยากร อบรมวิธีทำอีเอ็มบอลให้ชาวบ้าน นำไปผลิตช่วยเหลือตัวเอง ถือเป็นการทำวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยความรู้ที่ได้จากภาครัฐ ก็จะเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ไม่ใช่ใครอยากทำก็ลงมือทำ ต่างคนต่างนำหัวเชื้อคนละสูตรกันมาปั้นเป็นอีเอ็มบอลเหมือนในอดีต ซึ่งตนเห็นว่าวิธีการสารพัดสูตรแบบเก่าๆ มันอาจเป็นการซ้ำเติมปัญหาให้แย่ลงยิ่งขึ้นได้
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังสังเกตเห็นชาวบ้านกลุ่มหนี่ง นำสามล้อถีบแบบโบราณที่มีอยู่ตามต่างจังหวัดออกมาปั่นรับจ้างประชาชนภายในซอยพระราม 2 ที่ 69 อีกด้วย จากการสอบถาม นายทวีพงษ์ จุดศรี อายุ 24 ปี ชาว จ.ขอนแก่น โชเฟอร์สามล้อถีบ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ที่น้ำยังไม่ท่วมซอย จะมีวินสามล้อถีบ ที่เกิดจากการรวมตัวของชาวบ้านประมาณ 100 คัน แต่พอน้ำมา ปรากฏว่าโชเฟอร์ทุกคันจำเป็นต้องอพยพ ทำให้เหลืออยู่แค่ประมาณ 10 คัน ที่ยังอยู่บริการชาวบ้านต่อ โดยเฉพาะตนที่ต้องหยุดปั่นไปกว่า 1 สัปดาห์ ทำให้ขาดแคลนรายได้ เมื่ออดข้าวไม่ไหว ก็ต้องออกมาสู้ ขณะนี้แม้น้ำจะลดลงบ้างแล้ว แต่สามล้อถีบก็สามารถวิ่งให้บริการได้เพียงระยะสั้นๆ จากปากซอยพระราม 2 ที่ 69 ถึงหน้าสถานีดับเพลิงบางขุนเทียน ระยะทางแค่ประมาณ 500 เมตรเท่านั้น บางช่วงก็ยังต้องลงจูงลดเพื่อเข็นเข้าไปส่งผู้โดยสาร เพราะระดับน้ำสูงทำให้ปั่นไม่ไหว ส่วนค่าบริการจากเดิม 10 บาท พวกตนคิดเพิ่มอีกเท่าตัว เป็น 20 บาทเท่านั้น ชาวบ้านบางรายเห็นแล้วสงสาร ก็จะมีสินน้ำใจเพิ่มให้รายละ 10-20 บาท จากราคาปกติ.
โดย: ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
21 พฤศจิกายน 2554, 17:44 น.
http://m.thairath.co.th/content/region/218141
ขสมก.ยังคงเดินรถโดยสารธรรมดาเฉพาะกิจ บริการฟรี
วิเคราะห์สถานการณ์น้ำ (20 พ.ย. 54 : 23.40 น.)
ศปภ.ลงพื้นที่'ดอนเมือง'เก็บข้อเท็จจริงเสนอ'ประชา' พิจารณาพรุ่งนี้
ศปภ.ลงพื้นที่'ดอนเมือง'เก็บข้อเท็จจริงเสนอ'ประชา' พิจารณาพรุ่งนี้
ศปภ.รับข้อเสนอของ ชาวดอนเมือง ที่เดือดร้อนจากน้ำท่วมขัง เตรียมลงพื้นที่เก็บข้อมูลเสนอ พล.ต.อ.ประชา พรุ่งนี้ ส่วนกรณี ปตร.คลองมหาสวัสดิ์เรียกกทม.ถกช่วงบ่าย หาข้อยุติเปิดเพิ่มหรือไม่
วันที่ 21 พ.ย. พล.ต.อ. พงศ์พัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร.และโฆษก ศปภ. กล่าวกับทีมข่าว"ไทยรัฐออนไลน์"ว่า ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ศปภ.ได้รับข้อเสนอของประชาชนเขตดอนเมือง ในเรื่องการเปิดแนวแนวคั้นกันน้ำ หรือบิ๊กแบ๊ก รวมไปถึงมาตรการการเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยที่เหมาะสม โดยมอบหมายให้ดร. อานนท์ สนิทวงค์ ณ อยุธยา เลขาคณะกรรมบริหารจัดการระบายน้ำในพื้นที่สาธารณภัยภัยร้ายแรง ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริง หาและรวบรวมหลักฐาน รวมถึงหาวิธีการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่เขตดอนเมือง หลักสี่ และจ.ปทุมธานีบางส่วน ในวันพรุ่งนี้ เบื้องต้น ดร.อานนท์ กล่าวว่า ระดับน้ำด้านนอกคันกั้นและบิ๊กแบ็กจะค่อยๆลดระดับลดลงในอีกประมาณ 7 วันนับจากนี้้
พล.ต.อ.พงษ์พัศ กล่าวอีกว่า นี้เมื่อได้ข้อเท็จจริงและข้อมูลทั้งหมดแล้ว ตนจะได้นำเสนอไปยัง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผอ.ศปภ. เพื่อดำเนินการต่อไป ว่าจะสามารถกระทำได้ตามข้อเสนอที่กลุ่มประชาชนเรียกร้องได้มากน้อยเพียงใด เบื้องต้น ศปภ. เห็นด้วยที่จะให้มีการพิจารณาเยียวยาความเสียหายของทรัพย์สินบ้านเรื่องของประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องยอมเสียสละเป็นทางน้ำผ่านและท่วมขังนาน มากกว่าครอบครัวละ 5,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ส่วนกรณีที่มีกลุ่มประชาชน ชาวจังหวัดนนทบุรี มายื่นข้อเรียกร้องให้เปิดประตูระบายน้ำคลองมหาสวัสดิ์เพิ่มจาก 50ซ.ม.เป็น 1ม.นั้น ทางศปภ. จะได้มีการประชุมร่วมกับทาง กทม. ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวในช่วงเวลา 13.00น. วันนี้ ที่ศูนย์อำนวยการ ศปภ. อาคารเอ็นเนอร์ยีคอมเพล็ก ถ.วิภาวดีรังสิต เพื่อดูว่า ทาง กทม.จะสามารถดำเนินการได้ตามข้อเรียกร้องของชาวจังหวัดนนทบุรีหรือไม่เพียงใด ซึ่งขอให้พี่น้องประชาชนยอมรับด้วยหากข้อเรียกร้องที่เสนอมา ทางเจ้าหน้าที่อาจไม่สามารถดำเนินการได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ช่วงเช้าที่ผ่านมา ตัวแทนชาวบ้านเขตดอนเมืองกว่า 10 คน นำโดยนายแทนคุณ จิตอิสระ
อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.เขตดอนเมือง พรรคประชาธิปัตย์ และนายพงษ์เทพ ศิริทรัพย์ ชาวบ้านในพื้นที่เขตดอนเมือง เดินทางยื่นหนังสือเพื่อขอให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนในพื้นที่ใต้คลองรังสิต หลักหก เขตดอนเมือง และเขตหลักสี่ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาอุทกภัยมาเป็นระยะเวลานานกว่า 1 เดือน ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำในพื้นที่ยังมีคงมีระดับสูง ตั้งแต่ 1 – 2 เมตร และบางพื้นที่น้ำเริ่มเน่าเสียและส่งกลิ่นเหม็นเป็นเหตุให้ชาวบ้านต้องเดือดร้อน ทั้งการอยู่อาศัย การเดินทาง และการใช้ชีวิตประจำวัน จึงขอให้ศปภ.เร่งดำเนินการระบายน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่ออกโดยเร็ว
โดย: ไทยรัฐออนไลน์
21 พฤศจิกายน 2554, 14:15 น.
http://m.thairath.co.th/content/region/218111
วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
Apple Siri Doesnt Understand Asian FOB
Twitter: http://twitter.com/2asiandudes
Facebook: http://facebook.com/2asiandudes